Skip to main content

วิถีมนุษย์แม่ : ลองทานอาหาร IF + ออกกำลังกาย HIIT แค่ 7 วัน หุ่นเฟิร์มแค่ไหน?




สวัสดีจ้าทุกคน !!

วิถีมนุษย์แม่ อีพีนี้ เรามาพูดถึงการทานอาหารแบบ IF กันค่ะ ตอนนี้เจ้ลองทำมาแล้ว 7 วัน  ตอนแรกก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่พอวันที่ 3 ก็เริ่มชินกับการกินมากขึ้นแล้วค่ะ มาดูกันว่ารายละเอียดเป็นยังไงบ้าง 


Intermittent Fasting (IF) คืออะไร

Intermittent Fasting (IF) ขอเรียกย่อๆว่า “IF” ความจริงแล้วไม่ใช่โปรแกรมการลดน้ำหนัก แต่เป็นรูปแบบของการกินอาหาร ที่จะกำหนดเวลาของมื้ออาหาร ไม่ตัดชนิดอาหาร หรือลดปริมาณอาหารลง เรียกได้ว่าสามารถกินได้ทุกอย่าง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอาหารที่กิน แต่จะให้เราเปลี่ยนเวลาในการกิน เพียงแต่ต้องคำนึงถึงสารอาหาร ประโยชน์ของอาหาร และ ปริมาณพลังงานรวมที่ร่างกายต้องการต่อวัน หลักการทำงานของ Intermittent Fasting (IF) คนที่รู้จัก IF และเลือกใช้วิธีนี้ โดยมากจะร่ำรือกันในเรื่องของการช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกาย


แล้วทำไมการทำ IF จึงช่วยทำให้ลดปริมาณไขมันในร่างกายได้?

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจความต่างของร่างกายในช่วงเวลาที่เรากินอาหาร และอดอาหารเสียก่อน ในช่วงเวลาที่เรากินอาหาร โดยนับตั้งแต่ตักอาหารเข้าปากจนถึงการย่อย และดูดซึมสารอาหารนั้น จะกินเวลาประมาณ 3-5 ชม. ซึ่งในช่วงเวลานั้น ร่างกายจะมีปริมาณอินซูลิน (Insulin) สูงขึ้น เพื่อเป็นการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด จึงทำให้ยากที่จะเผาผลาญไขมันในช่วงเวลานั้น ในทางกลับกันเมื่อท้องว่าง อาหารถูกย่อย และดูดซึมไปจนหมด ปริมาณอินซูลิน (Insulin) จะลดต่ำลงทำให้ร่างกายหลั่ง Growth Hormones ออกมา เกิดสภาวะ Ketosis จึงทำให้เราเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นในช่วงเวลาที่อดนั่นเอง

ตอนนี้ทานแบบ 16/8 อยู่ค่ะ 

นั่นคือช่วงเวลาการอด (Fasting) อยู่ที่ 16 ชม. และช่วงเวลาการกิน (Feeding) อยู่ที่ 8 ชม.
สูตรนี้ถือเป็นวิธีนึงที่ได้รับความนิยมมาก เพราะทำได้ง่าย สามารถทำได้ต่อเนื่อง และไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันมากจนเกินไปค่ะ ถือว่าเหมาะกับคนที่กำลังเริ่มต้นมากๆ

วิธีนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะคะ น้องๆที่อยากจะลองทำบ้างต้องหาข้อมูลข้อดีและข้อเสียให้ดีๆด้วยเนอะ


ผลลัพธ์ที่ได้พอใจแค่ไหน?

สำหรับเจ้แล้วจะมีปัญหาหลักๆเลยคือหน้าท้อง เพราะเมื่อก่อนน้ำหนักอยู่ที่ 58 กก. รองลงมาคือต้นขาและต้นแขนค่ะ  ตอนนี้โดยรวมพอใจมาก 
น้ำหนักลดลง 2 กิโลแล้ว
บวกกับการออกกำลังกายแบบ HIIT ครั้งละ 15 นาที ทุก 2 วัน เพราะเจ๊อยากได้หน้าท้องกระชับมากขึ้น

ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ

ใครมีประสบการณ์ทานแบบ IF ก็เม้นมาเล่ากันบ้างเด้อ จะได้เอาข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกัน 💋💋💋💋

Comments

Popular posts from this blog

รีวิว CHANEL FALL COLLECTION 2016

        Fall Collection ในปี 2016 มีหลายแบรนด์ที่ทำออกมาน่าสนใจ  สีโทนน้ำตาลอมแดงกำลังฮิตด้วย    กว่าจะตัดสินใจสอยมาลองซักแบรนด์เนี่ยยากมากเลย  ซีซั่นนี้ชอบของ CHANEL มากที่สุด เลยสอยมา 3 ตัวด้วยกันคือ อายชาโดว์ อายไลน์เนอร์และลิปสติกค่ะ แพคเกจจิ้งคงไม่ต้องพูดถึงซินะ สีดำ เรียบหรูตามสไตล์ของชาแนลเหมือนเดิม CHANEL Les 4 Ombres 268 อายชาโดว์เนื้อซาติน พิกเม้นดีงาม เบลนง่าย ไล่จากโทนสีน้ำตาลอ่อนไปถึงน้ำตาลอมแดง  งามมาก  ทาได้ทุกโทนสีผิวค่ะ  ใช้มาเดือนกว่าแล้วจับแต่งตาเกือบทุกครั้งเลย  ข้อเสียอย่างเดียวคือไม่มีสีอ่อนไฮท์ไลท์  ถ้ามีจะครบกว่านี้ 4.5/5 CHANEL Stylo Yeux Waterproof อายไลน์เนอร์สีน้ำตาลชิมเมอร์ ตอนสวอชที่เคาเตอร์หนะชอบมากๆเลย สีสวยดี เนื้อนิ่ม เขียนแล้วไม่ระเคืองตา แต่เค้าไม่ติดทนเลยนะ เราคิดว่าซื้อมาไม่คุ้มเลยจริงๆ ไม่แนะนำค่ะ 3/5 CHANEL Rouge Allure 169 สีแดงอมน้ำตาล เข้ากับสีอายชาโดว์คอลเลคชั่นนี้เป๊ะเลย เนื้อดีงามค่ะ ให้สีชัดเจนอย่างที่เห็นในรูป  ติ...

รีวิวเปรียบเทียบรองพื้น YSL le teint touche ft. YSL youth liberator

      รองพื้นยี่ห้อ YSL มี 2 ตัวที่กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาสาวๆที่ชอบลุคดิวอี้  โกลว์ๆ  ดูเป็นธรรมชาติ นั่นคือ  YSL le teint touche และ  YSL youth liberator         เฉดสีมีให้เลือก 3 โทนสี คือ B - เบจ(ผิวสีกลางๆไม่อมเหลืองหรือชมพู)   BD - เบจอมเหลือง(ผิวสีเหลืองอันเดอร์โทน)  BR - เบจอมน้ำตาล(ผิวสีน้ำตาลหรือชมพูอันเดอร์โทน)  งงกันรึเปล่าเอ่ย?  สำหรับสาวเอเชียโบว่าน่าจะใช้ B หรือ BD คะ  เหมาะที่สุด  แต่ถ้าสาวผิวสี NC42 ขึ้นไปคงต้องเลือก BR  แต่ถ้าจะให้ชัวร์แนะนำให้ไปลองที่เคาเตอร์ด้วยตัวเองดีที่สุดคะ       หลายคนที่กำลังเล็งๆอยู่คงจะสงสัยว่า  เอ้.. รองพื้น 2 ตัวนี้มันต่างกันยังไงหนอ?   และเราเหมาะกับรองพื้นตัวไหนมากที่สุด?   เป็นคำถามที่อยู่ในใจเค้าตอนที่จะตัดสินใจซื้อมาใช้เหมือนกันเลย   แต่ตอนนี้เราพบคำตอบแล้วซึ่งมาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละตัวนั้นมีคุณสมบัติและความต่างอย่างไรบ้าง  ...

การจัดโต๊ะเครื่องแป้ง 2013

มาอัพเดทโต๊ะเครื่องแป้งจร้าา หลังจากที่ทำคลิปแบบนี้ไว้ปีที่แล้ว  โต๊ะยังเป็นตัวเดิมนะคะ เป็นโต๊ะไม้สีขาว แนววินเทจ  ตัวนี้มาพร้อมกับเก้าอี้วินเทจเช่นกัน(ลืมถ่ายรูปซะงั้น) ปีนี้มีการตกแต่งเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หรู อลังการเหมือนกูรูดังๆในต่างประเทศหรอกนะคะ  แค่อยากเอามาแชร์กับเพื่อนๆ  เผื่อจะได้ไอเดียในการออกาไนซ์เครื่องสำอางมากขึ้น ที่จริงเราก็ไม่ได้จัดโต๊ะทุกวันนะ  แต่ก็พยายามทำให้มันสะอาด  ดูน่านั่ง  และหาของง่ายขึ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆเป็นอย่างยิ่งคะ  ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนไอเดียกันนะ   รูปภาพบางส่วนจ้า ตรงนี้คือ ส่วนของสกินแคร์และเครื่องสำอางที่ใช้บ่อยในช่วงนี้  ก็จะเอามาจัดวางในชั้นวางขนม  เราชอบมาก เพราะเห็นลายและสีมันน่ารักดี ส่วนตรงกลางเราจะวางถาดใสที่บรรจุลิปสติก ลิปกลอส ดินสอไลเนอร์และที่เขียนคิ้ว ส่วนด้านหลังจะวางกระบอกแปรงแต่งหน้า ด้านขวาของโต๊ะ  จะเป็นหมวดอายชาโดว์พาเลท...