Skip to main content

รีวิวเปรียบเทียบรองพื้น YSL le teint touche ft. YSL youth liberator



      รองพื้นยี่ห้อ YSL มี 2 ตัวที่กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาสาวๆที่ชอบลุคดิวอี้  โกลว์ๆ  ดูเป็นธรรมชาติ นั่นคือ  YSL le teint touche และ  YSL youth liberator  

      เฉดสีมีให้เลือก 3 โทนสี คือ B - เบจ(ผิวสีกลางๆไม่อมเหลืองหรือชมพู)   BD - เบจอมเหลือง(ผิวสีเหลืองอันเดอร์โทน)  BR - เบจอมน้ำตาล(ผิวสีน้ำตาลหรือชมพูอันเดอร์โทน)  งงกันรึเปล่าเอ่ย?  สำหรับสาวเอเชียโบว่าน่าจะใช้ B หรือ BD คะ  เหมาะที่สุด  แต่ถ้าสาวผิวสี NC42 ขึ้นไปคงต้องเลือก BR  แต่ถ้าจะให้ชัวร์แนะนำให้ไปลองที่เคาเตอร์ด้วยตัวเองดีที่สุดคะ

      หลายคนที่กำลังเล็งๆอยู่คงจะสงสัยว่า  เอ้.. รองพื้น 2 ตัวนี้มันต่างกันยังไงหนอ?   และเราเหมาะกับรองพื้นตัวไหนมากที่สุด?   เป็นคำถามที่อยู่ในใจเค้าตอนที่จะตัดสินใจซื้อมาใช้เหมือนกันเลย   แต่ตอนนี้เราพบคำตอบแล้วซึ่งมาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละตัวนั้นมีคุณสมบัติและความต่างอย่างไรบ้าง



    

       YSL le teint touche แบรนด์ได้เคลมไว้ว่า "เทคโนโลยี “Fit-Osmosis Complex” จะช่วยทำให้รู้สึกว่ารองพื้นเบาบาง แต่ว่าปกปิด อีกทั้งยังมีค่า SPF30 PA+++ มาช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB และ ลดเลือนจุดบกพร่องบนใบหน้าของเราอีกด้วย. ด้วยสูตร Ultra-Absorbent Powders ที่อยู่ใน Le Teint Touche Eclat UV ที่ช่วยขจัดความมันเงาบนผิวจากความร้อน, มลพิษ หรือความมันส่วนเกินของผิว. ช่วยให้ผิวดูสวยสมบูรณ์ ไม่ดูเหมือนใส่หน้ากาก"

      หลังจากใช้แล้วพบว่า รองพื้นเนื้อบางเบา เหลวมากๆ เกลี่ยง่าย ให้การปกปิดน้อย มีกลิ่นน้ำหอมจางๆ แต่สีที่ซื้อมาคือ BD40 ซึ่งสีนี้อ่อนกว่าสีผิวของเราในตอนนี้นิดนึง เวลาจะใช้ต้องเอาไปผสมกับรองพื้นสีเข้มจึงจะพอดี ติดทน 3-5 ชม. แล้วแต่สภาพอากาศคะ ให้ลุคที่ดิวอี้สุดๆ สามารถใช้นิ้วมือหรือแปรงทาก็ได้แล้วแต่ความต้องการ รู้สึกเฉยๆกับรองพื้นตัวนี้มากเลย เพราะปกปิดน้อยจริงๆและไม่ติดทนด้วยคะ แต่ข้อดีคือมีหลายเฉดสีให้เลือก เราว่าเหมาะกับสาวผิวดี - ดีมาก ที่ต้องการรองพื้นเนื่้อบางเบาให้ความรู้สึกเหมือนไม่ทารองพื้นเลย ให้คะแนน 7/10


    

       YSL youth liberator แบรนด์ได้เคลมไว้ว่า "ครั้งแรกของผลิตภัณฑ์รองพื้นพร้อมชะลอริ้วรอยที่อุดมไปด้วย GLYCANACTIFTM ซึ่งได้รวมนวัตกรรมแห่งการชะลอวัย 2 อย่างไว้ในผลิตภัณฑ์รองพื้นใหม่ล่าสุด โดยผลิตภัณฑ์นี้มุ่งลดเลือนสัญญาณริ้วรอยแห่งวัยด้วยสูตรผสม GLYCANACTIFTM Complex อีกทั้งยังทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอและเปล่งประกายด้วย Colour Tune-Up Complex ไปพร้อมๆ กัน โดย Colour Tune-Up Complex ช่วยปรับโทนสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ

       ช่วยปกปิดจุดบกพร่องและเพิ่มความเปล่งประกายแก่ผิวได้ในทันที ทั้งยังมีสูตรผสมของ SPF 20 ที่ อุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งมีคุณสมบัติแอนติออกซิแดนท์ ช่วยปกป้องผิวให้ปลอดภัยจากริ้วรอยที่เกิดจากแสงแดด จึงทำให้หลังใช้เพียงครั้งแรก ผิวดูสม่ำเสมอ สดใสและเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ยืดหยุ่นได้ดีจะกระจายตัวไปทั่วใบหน้าเพื่อปรับผิว ให้นุ่มเนียนโดยไม่ทำให้ผิวเป็นรอย ผิวจึงชุ่มชื่น สบายตัว เปล่งประกายไปตลอดวัน"

       สีที่ใช้คือ BD50 หลังจากการใช้แล้วพบว่า รองพื้นช่วยปรับให้ผิวดูสม่ำเสมอจริง ปกปิดจุดบกพร่องระดับปานกลาง รอยกระ รอยสิวจางๆ ผิวแลดูชุ่นชื่น สดใส เบาสบายหน้า เหมือนไม่ได้ทารองพื้น นอกจากนี้ยังดูเหมือนเป็นผิวของเราเอง ไม่หนาโบ๊ะ เป็นรองพื้นที่เหมาะกับสาวผิวมีจุดบกพร่องเล็กน้อย แต่ไม่ต้องการใช้รองพื้นที่ดูหนา ดูเฟคจนเกินไป แต่จะมีกลิ่นน้ำหอมนิดๆ ส่วนคุณสมบัติเรื่องการลดเลือนริ้วรอยนั้นยังบอกไม่ได้คะ เพราะยังไม่มีริ้วรอยที่ชัดเจนพอจะพิสูจน์ได้ ตัวนี้ราคาค่อนข้างแพงและมีให้เลือกเพียง 9 เฉดสีเท่านั้น

       แต่ถ้าให้เลือกระหว่างรองพื้น 2 ตัวแล้ว เราให้ตัวนี้เป็นที่ 1 เลย ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าและมีสีให้เลือกน้อยกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นประทับใจมากกว่าตัวแรกเยอะเลยทั้งเรื่องการปกปิดและความติดทนนานกว่า 6-8 ชม. ให้คะแนน 9.5/10

Swatch color from both foundation

    
After blend on the skin
     
      หลังจากอ่านรีวิวแล้วก็ต้องศึกษาให้ดีๆอีกทีนะคะว่าคุณเหมาะกับรองพื้นแบบไหนมากที่สุด  เพราะผิวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  ไม่มีใครมาตัดสินแทนกันได้ว่าใช้รองพื้นแบบเดียวกันแล้วจะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันหรือไม่    หากมีข้อผิดพลาดเรื่องการรีวิวก็ขออภัยด้วยนะคะ


Comments

Popular posts from this blog

รีวิว Dior Primer : Pore minimizer, Glow maximizer

      ช่วงนี้โบชอบใช้ Primer ของ  Dior มากๆเลยทั้ง 2 รุ่น สลับกัน  เลยอยากเอามารีวิวถึงผลลัพธ์ที่ได้และทำไมโบถึงชอบมาเล่าให้ฟังกันจ้า    ถ้าเทียบกับ Primer  ตัวอื่นๆที่ประสิทธิภาพเท่าเทียมกันแล้วราคาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากอย่างที่คิดเลย   เดี๋ยวไปดูความคิดเห็นของโบกับไอเทม 2 ตัวนี้กันเลยจ้า       Dior Primer ขนาด 30 มล. ราคา 1400-1800 บาท (แล้วแต่สถานที่จำหน่าย)

รีวิว CHANEL FALL COLLECTION 2016

        Fall Collection ในปี 2016 มีหลายแบรนด์ที่ทำออกมาน่าสนใจ  สีโทนน้ำตาลอมแดงกำลังฮิตด้วย    กว่าจะตัดสินใจสอยมาลองซักแบรนด์เนี่ยยากมากเลย  ซีซั่นนี้ชอบของ CHANEL มากที่สุด เลยสอยมา 3 ตัวด้วยกันคือ อายชาโดว์ อายไลน์เนอร์และลิปสติกค่ะ แพคเกจจิ้งคงไม่ต้องพูดถึงซินะ สีดำ เรียบหรูตามสไตล์ของชาแนลเหมือนเดิม CHANEL Les 4 Ombres 268 อายชาโดว์เนื้อซาติน พิกเม้นดีงาม เบลนง่าย ไล่จากโทนสีน้ำตาลอ่อนไปถึงน้ำตาลอมแดง  งามมาก  ทาได้ทุกโทนสีผิวค่ะ  ใช้มาเดือนกว่าแล้วจับแต่งตาเกือบทุกครั้งเลย  ข้อเสียอย่างเดียวคือไม่มีสีอ่อนไฮท์ไลท์  ถ้ามีจะครบกว่านี้ 4.5/5 CHANEL Stylo Yeux Waterproof อายไลน์เนอร์สีน้ำตาลชิมเมอร์ ตอนสวอชที่เคาเตอร์หนะชอบมากๆเลย สีสวยดี เนื้อนิ่ม เขียนแล้วไม่ระเคืองตา แต่เค้าไม่ติดทนเลยนะ เราคิดว่าซื้อมาไม่คุ้มเลยจริงๆ ไม่แนะนำค่ะ 3/5 CHANEL Rouge Allure 169 สีแดงอมน้ำตาล เข้ากับสีอายชาโดว์คอลเลคชั่นนี้เป๊ะเลย เนื้อดีงามค่ะ ให้สีชัดเจนอย่างที่เห็นในรูป  ติดทนนานด้วย แนะนำให้สอย 5/5 make up look from this collection